สักการะศาลเจ้า ปิ้งย่างยากินิกุ ที่เมืองจิจิบุ

วันนี้ติ๊กจะพาไปเที่ยวกันต่อที่ จ.ไซตะมะ เมืองจิจิบุ ของประเทศญี่ปุ่นนั่นเองค่ะ เดินทางไม่ไกลจากโตเกียวค่ะ

ติ๊กจะพาไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่เมืองจิจิบุ ที่ศาลเจ้าจิจิบุ และติ๊กจะพาไปชมงานไม้แกะสลักอันลื่อชื่อของศาลเจ้าแห่งนี้กันค่ะ

ศาลเจ้าจิจิบุ (Chichibu Shrine) มีประวัติยาวนานกว่า 2,100 ปีมาแล้ว มีประวัติอันยาวนานขนาดนี้ ข้างในศาลเจ้า จะต้องมีอะไรให้เราศึกษากันอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นเราเข้าไปด้านในกันเลยค่ะ

 

อย่าลืมนะค่ะ มาศาลเจ้าที่ประเทศญี่ปุ่น เมื่อเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามา อย่าเดินตรงกลางนะค่ะ

 

เมื่อเราเดินผ่านซุ้มประตูเข้ามาด้านใน จะเจอกับศาลหลักค่ะ ศาลหลักนี้สร้างโดย ท่านโชกุน โทกุกาว่า อิเอยาซึ สร้างในปี 1592 อาคารของศาลมีหลัก มีลักษณะเป็นชินโต ศาลนี้มีอายุราวกว่า 400 ปี

ศาลนี้จะมีงานไม้แกะสลัก ที่เป็นเอกลักษณ์ จะมีการแกะสลักไม้อย่างสวยงาม ศิลปินที่แกะสลัก เป็นศิลปินที่มีฝีมือมากๆ ในยุคเอโดะ ชื่อว่า ฮิดาริ จิโกโระ เป็นศิลปินที่มีฝีมือในสมัยนั้น

แต่ละด้านของกำแพงศาลเจ้า จะบอกเล่าเรื่องราวผ่านนักษัตรต่างๆ ซึ่งมีเรื่องราวที่แตกต่างกันไป

เดี๋ยวเราไปดูทีละด้านกันเลยค่ะ เริ่มที่ด้านนี้ค่ะ เป็นรูปเสือ เป็นการแกะสลักแม่เสือ และลูกเสือ 3 ตัว ถ้าสังเกตดีๆ ตัวแม่เสือจะเป็นเสือดาว

 

ด้านต่อไปเป็นงานไม้แกะสลัก รูปลิง และด้านนี้จะเป็นรูปนกฮูก เพราะนกฮูกเป็นสัญลักษณ์ของคงแก่เรียนค่ะ ชาวญี่ปุ่นให้ความสำคัญกับนกฮูก โดยเฉพาะ เด็กนักเรียนนักศึกษา มาขอพรกันเยอะมากค่ะ น้องๆ ที่มาเที่ยวที่นี่ แล้วอยากเรียนเก่ง ลองมาขอพรที่นี่กันนะค่ะ ถ้าได้ผลยังไงบอกพี่ติ๊กด้วยนะค่ะ

เรามาถึงชิ้นงานที่เป็นไฮไลท์ของที่นี่กันค่ะ รูปมังกร ถ้าเรามองผิวเผิน จะเห็นมังกรแกะสลัก มีสีสันสดใส ประกอบฉากต่างๆ แต่ถ้าสังเกตุดีๆ ค่ะ จะเห็นว่า หางมังกรจะถูกล่ามด้วยโซ่ ตามตำนานเล่ากันว่า มังกรได้โผล่ขึ้นมากลางสระน้ำของเมืองจิจิบุ ทำให้ชาวบ้านหวาดกลัว และมีคนมีฝีมือไปปราบมังกร โดยการล่ามโซ่ไว้ และทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุขตั้งแต่นั้นมา

 

ชมผลงานแกะสลักกันแล้ว เรามาเสี่ยงเสียมซีกันบ้างค่ะ หลายๆ คนมาเที่ยวญี่ปุ่นชอบมาเสี่ยงเซียมซีกัน ซึ่งเซียมซีของที่นี่จะมีเอกลักษณ์ มีความน่ารัก แตกต่างกันไปค่ะ

เซียมซีของที่นี่จะเป็นเซียมซีแบบนี้ค่ะ ม้วนกลมๆ แล้วมัดเชือก เมื่อเลือกเสี่ยงเซียมซีแล้ว นำใบเซียมซีไปแช่น้ำ จะเห็นผลทำนายปรากฎขึ้นมาค่ะ

 

ศาลเจ้าจิจิบุ โดนเด่นในเรื่องงานไม้แกะสลัก และยังโดดเด่นในเรื่องของงานเทศกาลอีกด้วยค่ะ จิจิบุโยมัตสึริ (Chichibu Yomatsuri) เป็นเทศกาลแห่เกี้ยว ซึ่งจะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี โดยจะจัดขึ้นในวันที่ 2 – 3 ธันวาคม ของทุกปี

อยากรู้กันแล้วใช่ไหมค่ะ ว่าเทศกาล จิจิบุโยมัตสึริ จะเป็นยังไง ตามติ๊กมานะค่ะ ติ๊กจะพาไปดูเรื่องราวเกี่ยวกับขบวนแห่เกี้ยวกันค่ะ ที่ จิจิบุ เฟลติวัล ฮอลล์

ขบวนแห่ของศาลเจ้าจิจิบุ ติด 1 ใน 3 ของขบวนแห่เกี้ยวที่ใหญ่ที่สุดของประเทศญี่ปุ่นด้วยค่ะ ไปกันเลยค่ะ

Chichibu Festival Hall อยู่ตรงข้ามศาลเจ้าจิจิบุค่ะ เป็นการจัดนิทรรศการ เกี่ยวกับเทศกาล การแห่เกี้ยว ให้ชมกันค่ะ

 

เราเข้าไปดูกันเลยค่ะ ค่าเข้าชม 410 เยน เวลาเปิด – ปิด : 9.00 น. – 17.00 น. , 10.00 น. – 17.00 น.

 

ด้านในมีวิดิทัศน์ เล่าเรื่องราวประวัติความเป็นมาของงานเทศกาลแห่เกี้ยว มีให้เลือกฟังหลายภาษาค่ะ

 

นองกจากมีวิดิทัศน์ ที่แสดงเรื่องราวต่างๆ แล้ว ยังมีเรื่องราวเล็กๆ น้อย แสดงด้วยรูปภาพ และมีของต่างๆ ที่เก็บสะสมไว้อีกด้วยค่ะ

 

และยังมีเกี้ยวขนาดใหญ่ 2 เกี้ยว และยังเป็น 2 ใน 6 เกี้ยวที่มีความสำคัญในขบวนแห่ จิจิบุไนท์เฟลติวัล (Chichibu Night Festival) เป็นเกี้ยวที่ใช้จริงในงานเทศกาลค่ะ นำมาเก็บไว้ให้ชมกันใน Chichibu FestivalHall แห่งนี้ค่ะ

เกี้ยวนี้ในการประกอบพิธี จะใช้คนลาก 100 คน ทุกอย่างประกอบด้วยมือ ซึ่งเทศกาลนี้จะจัดขึ้น ในวันที่ 2-3 ธันวาคม และในวันที่ 3 ถือเป็นไฮไลท์เลยค่ะ เพราะมีการจุดพลุ 7,000 นัด ด้วยค่ะ และเทศกาลแห่เกี้ยวนี้ถือได้ว่าเป็นเทศกาลแห่เกี้ยวที่ใหญ่ที่สุด ติด 1 ใน 3 ของประเทศญี่ปุ่นเลยล่ะค่ะ หนึ่งเกี้ยวใช้เวลาในการทำเกือบ 2 ปี เป็นการแกะสลักไม้ที่ละเอียดอ่อน และสวยงามมากๆ ค่ะ

เกี้ยวนี้เป็นอีก 1 ไฮไลท์ค่ะ เรียกว่า ยาไต (Yatai) เป็นชื่อของโรงละครคาบุกิ ด้านในเกี้ยวจะมีการโชว์คัมภีร์ด้วยค่ะ

 

เกี้ยวนี้ชื่อว่า คาซาโฮโกะ (Kasahoko) เป็นเกี้ยวที่มีลักษณะเป็นดอกไม้ มีกิ่งย้อยลงมา มีลักษณะคล้ายๆ ร่ม เป็นดอกไม้คล้ายๆ ดอกซากุรุ ย้อยลงมา สวยงามไม่แพ้กันเลยค่ะ

 

ถ้าใครพลาดโอกาสมาเห็นเทศกาลจริงๆ ในเดือนธันวาคม ก็สามารถมาดูงานเทศกาลนี้ได้ที่ Chichibu Festival Hall แห่งนี้เลยค่ะ

วันนี้ติ๊ก จะพาไปทานอาหารสไตล์ยากินิกุ ที่ร้าน อิชิบังคัง (Ichi Ban Kan) แค่ยืนหน้าร้านก็ได้กลิ่นหอมโชยมาแล้วค่ะ ไม่รู้ว่าอาหารจะอร่อยขนาดไหน เราเข้าไปพิสูจน์กลิ่นหอมๆ กันเลยค่ะ

 

เข้ามาในร้านกลิ่นหอมมากค่ะ เมืองจิจิบุดังเรื่องหมูค่ะ ร้าน อิชิบังคัง ก็ดังเรื่องหมูเช่นเดียวกันค่ะ

วันนี้เราเลยมาทานยากินิกุหมูกันค่ะ เป็นหมูล้วนๆ เลยค่ะ มีทั้งเนื้อหมู คอหมูด้านหน้า คอหมูด้านหลัง หัวใจ ตับ ไส้ ลิ้น และมีผักด้วยค่ะ

 

เตาปิ้งเราเริ่มร้อนแล้ว มาย่างหมูกันเลยค่ะ

 

หมูหมักมิโซะ รสชาติจัดจ้าน จิ้มกับน้ำจิ้มยิ่งอร่อยล้ำเลยค่ะ หมูสุกได้ที่ก็ถึงเวลาชิมแล้วค่ะ ติ๊กจะชิมแบบไม่จิ้มน้ำจิ้มก่อนนะค่ะ เนื้อหมูนุ่มมาก อร่อยค่ะ  แล้วถ้าจิ้มน้ำจิ้มจะเป็นยังไงนะ ชิมก่อนนค่ะ จิ้มน้ำจิ้มสูตรพิเศษของทางร้าน  ได้ความหอมของกระเทียม และน้ำซอส อร่อยไปอีกแบบค่ะ ใครจะจิ้มหรือไม่จิ้มก็ได้ค่ะ อร่อยทั้ง 2 แบบเลยค่ะ

 

เดี๋ยวติ๊กขอชิมให้หมดก่อนนะค่ะ แล้วจะพาไปเที่ยวกันต่อค่ะ

ติ๊กจะพาไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่ศาลเจ้ามิซูมิเนะ (Mitsumine Shrine) ที่นี่มีประวัติ เรื่องราวที่น่าสนใจ และมีวิวที่สวยงามมากเป็นศาลเจ้าบนภูเขาที่สวยที่สุดที่หนึ่งค่ะ เราขึ้นไปเลยค่ะ

ถึงทางเข้าศาลเจ้ามิซูมิเนะ แล้วค่ะ เป็นศาลเจ้าชินโต ในศาลเจ้าแห่งนี้มีต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ เป็นต้นสนซีดาน มีอายุกว่า 800 ปี และถ้าใครจะมาขอพรเรื่องความรัก ศาลเจ้านี้ ห้ามพลาดเลยค่ะ ตามติ๊กไปค่ะ

 

รู้สึกได้เลยค่ะ ว่าเดินเข้าซุ้มประตูมา จะรู้สึกว่าเงียบสงบ ตลอดเส้นทางจะมีต้นสน และมีแท่นหิน เท่านี้ก็ดูศักดิ์สิทธิ์แล้วค่ะ

 

ถึงทางเข้าศาลเจ้าด้านในแล้วล่ะค่ะ เราจะต้องผ่านซุ้มประตูชื่อว่า สุ่ยชินมอน เป็นซุ้มประตูที่กันสิ่งเลวร้ายเข้าศาลเจ้า เดี๋ยวเราลอดซุ้มประตูนี้เข้าไปสู่ศาลเจ้ากันค่ะ

 

ซุ้มประตูสุ่ยชินมอน นี้สวยงดงามมากๆ ค่ะ และหน้าซุ้มประตูทางเข้า จะมีสุนัขป่าตั้งอยู่ บริเวณศาลเจ้านี้ จะมีสุนัขป่าตั้งอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะเทพเจ้าของที่นี่ จะใช้สุนัขป่าเป็นการส่งสารให้กับมนุษย์ และยังทำหน้าที่ดูแลศาลเจ้าแห่งนี้ด้วยค่ะ

 

ถึงทางเข้าศาลเจ้าหลักแล้วค่ะ ศาลหลักนี้เป็นที่ประทับของเทพเจ้า 2 พระองค์ คือ เทพเจ้าอิซานางิ กับเทพเจ้าอิซานามิ เป็นเทพเจ้าที่ประทานพรความสร้างสรรค์

เราเข้าไปกราบไหว้ขอพรกันค่ะ ด้านบนมี power sport และมีต้นสนซีดานอยู่ใกล้ๆ ศาลเจ้าด้วยค่ะ

 

ก่อนเข้าศาลเจ้าในประเทศญี่ปุ่นทุกศาลเจ้า เราจะต้องล้างไม้ล้างมือกันก่อนนะค่ะ แต่ว่าศาลเจ้านี้อยู่บนภูเขา อากาศหนาว บางทีน้ำเป็นน้ำแข็ง เลยเปลี่ยนจากที่ตักน้ำ เป็นที่ปัดแทน เพื่อปัดสิ่งไม่ดี ก่อนเข้าศาลเจ้าค่ะ

 

ขอพรสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันแล้ว ไปเดินรอบๆศาลเจ้ากันค่ะ ตัวอาคารของศาลเจ้าหลัก มีความสวยงาม มีงานแกะสลักไม้ที่มีสีสันสวยสดงดงามมากค่ะ

 

เราไปดูเครื่องรางของขลังกันบ้างค่ะ ในประเทศญี่ปุ่นแต่ละศาลเจ้า จะมีเครื่องรางของขลังที่แตกต่างกันไป เหมาะสำหรับพกพา มีลวดายที่น่ารัก ไปดูกันค่ะ ว่าที่นี่จะมีอะไรที่แตกต่างจากศาลเจ้าอื่นหรือเปล่า ตามติ๊กไปเลยค่ะ

 

เป็นกระดิ่งกลมๆ รูปสุนัขป่า มีเครื่องรางสำหรับเด็กๆ ให้เทพเจ้าคุ้มครองเรื่องเรียน ชิ้นนี้เลยค่ะ มีสีสันสดใส หลากหลายสี ข้างในจะบรรจุเปลือกไม้ของต้นสนซีดาน ที่มีอายุกว่า 800 ปี เป็นต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ คู่ศาลเจ้าแห่งนี้ค่ะ

 

คราวหน้า ติ๊ก จะพาไปรับพลังดีๆ ที่ต้นสนซีดานกันนะค่ะ และจะพาไปขอพรเกี่ยวกับความรักกันด้วยค่ะ รอติดตามกัน ห้ามพลาดนะค่ะ