ขอพรเรื่องความรัก อิ่มอร่อย แล้วย้อนยุคสู่สมัยเอโดะ ไปกับติ๊ก

สวัสดีค่ะ กลับมาพบกับติ๊กในเซย์ไฮกันแล้วนะค่ะ วันนี้ติ๊กจะพาไปเที่ยวกันต่อที่ จ.ไซตะมะ (Saitama) ประเทศญี่ปุ่นค่ะ

ติ๊กจะพาไปสัมผัสกับเสน่ห์เมืองโบราณกันที่เมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe) เราจะไปขอพรเรื่องความรักกันที่ศาลเจ้าฮิกาว่า กันค่ะ

ศาลเจ้าฮิกาว่า (Hikawa Shrine) ที่ติ๊กจะพามาขอพรเรื่องความรักกันค่ะ ศาลเจ้าแห่งนี้จะมีเสาโทโรอิ ตั้งเด่นเป็นสง่าสูงถึง 15 เมตรเลยล่ะค่ะ เราเข้าไปด้านในศาลเจ้ากันเลยค่ะ

 

ศาลเจ้าฮิกาว่าแห่งนี้ ชาวญี่ปุ่นนิยมมาจัดงานแต่งงานกัน เพราะมีความศักดิ์สิทธิ์ในเรื่องความรัก ถ้ามาที่ศาลเจ้าแห่งนี้ จะมีโอกาสเจอเจ้าบ่าว เจ้าสาวด้วย เจ้าสาวจะสวมชุดกิโมโนสีขาว เรียกว่า ชิโรมูกุ (Shiromuku)

 

เข้ามาด้านในเจอบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ แวะล้างไม้ล้างมือ ชำระสิ่งไม่ดีออกก่อนเข้าไปขอพรกันค่ะ

   

ศาลหลักของที่นี่เป็นที่ประทับของเทพเจ้า 5 องค์ ใครมาที่นี่มาสักการะขอพร เรื่องความรักให้สมปรารถนา และถ้าใครมีบุตรยากก็มาขอพรที่นี่ก็จะสมหวังมีลูกสมดังหวังเลยค่ะ และถ้าใครอยากมีเพื่อนมีมิตรภาพที่ดี ก็มาขอพรได้เช่นกันค่ะ

 

เราเข้าไปขอพร ขอให้เจอแต่คนดีๆ มีคนรัก คนเมตตา ขอพรเรียบร้อยแล้ว เราไปดูเครื่องรางของคลังของที่นี่กันบ้างค่ะ สิ่งที่เป็นไฮไลท์ของเครื่องรางที่นี่ คือ ก้อนหิน ก้อนเล็กๆ ก้อนนี้ค่ะ

 

ใน 1 วัน จะมีแจกแค่ 20 ก้อน เท่านั้นค่ะ คนต้องมารอคิวกันตั้งแต่ 6 โมงเช้าเลย เพื่อมารอแจกก้อนหินในเวลา 8 โมงเช้า และจะแจกเฉพาะคนที่โสดเท่านั้นนะค่ะ คนที่ได้รับก้อนหินไปแล้ว เมื่อมีความรักที่สมหวัง ให้นำหินก้อนนี้กลับมาไว้ทีศาลเจ้าแห่งนี้ด้วยค่ะ

 

อีกหนึ่งไฮไลท์ของศาลเจ้าแห่งนี้ก็คือ อิมะ หรือแผ่นป้ายไม้สำหรับเขียนขอพรค่ะ อิมะของที่นี่จะมีหลายลวดลาย ซึ่งแต่ละลวดลายจะมีความหมายแตกต่างกัน

แผ่นแรก เป็นแผ่นป้ายสำหรับคนที่จะไปทำการแข่งขันต่างๆ ขอให้ได้ชัยชนะกลับมา

แผ่นที่ 2 เป็นแผ่นป้ายสำหรับการเรียน ขอให้การเรียนประสบความสำเร็จ

 

แผ่นป้ายที่ 3 รูปต้นไม้ และกระต่าย เป็นแผ่นป้ายสำหรับการทำธุรกิจ ให้ธุรกิจเจริญก้าวหน้า มีผลกำไรที่ดี

แผ่นป้ายที่ 4 รูปรถ สำหรับการเดินทาง ให้เดินทางราบรื่น ปลอดภัย

 

แผ่นป้ายที่ 5 เป็นแผ่นป้ายที่ไม่มีลวดลาย สำหรับการขอพรต่างๆ ตามที่ต้องการ

แผ่นป้ายที่ 6 รูปม้าคู่ เป็นแผ่นป้ายสำหรับเรื่องความรัก ให้ความรักสมปรารถนา

 

แผ่นป้ายที่ 7 รูปเด็ก (โคโดโมะ) เป็นแผ่นป้ายสำหรับอธิษฐานของพรให้เด็กๆ

แผ่นป้ายที่ 8 รูปแม่และเด็ก เป็นแผ่นป้ายสำหรับขอให้มีลูก มีหลาน

 

แผ่นป้ายที่ 9 เป็นแผ่นป้ายสำหรับขอบคุณเทพเจ้า

 

เมื่อเราเลือกอิมะ ที่จะขอพรเรียบร้อยแล้ว เขียนคำอธิษฐาน แล้วนำไปผูกไว้ตรงราวแขวน ซึ่งมีอิมะแขวนไว้เป็นจำนวนมากเลย หาที่แขวนแทบไม่ได้เลยทีเดียวค่ะ

 

เราไปดูเครื่องรางของขลังแบบอื่นๆ บ้าง ว่าจะมีเครื่องรางที่แปลกจากศาลเจ้าอื่นหรือเปล่า เจอแล้วค่ะ ดินสอไม้ศักดิ์สิทธิ์ รูปเด็กผู้หญิง และเด็กผู้ชาย เมื่อเราเหลาดินสอไปเรื่อยๆ เด็กผู้หญิงกับเด็กผู้ชายจะค่อยๆ เข้ามาใกล้กัน และเจอกันในที่สุด ค่ะ

 

ขอพรเรียบร้อยแล้ว เราไปปัดเป่าสิ่งไม่ดีบ้างค่ะ  เราต้องหยอดเหรียญที่ตู้ แล้วหยิบกระดาษที่ตัดเป็นรูปคน ขึ้นมา 1 แผ่น

 

โดยเราจะต้องเป่ากระดาษ 3 ครั้ง แล้วลูบ 3 ครั้ง เพื่อเป็นการปัดเป่าสิ่งไม่ดี แล้วตั้งจิตอธิษฐานขอให้สิ่งไม่ดีลอยไปตามน้ำ ผ่านเชือก และถ้าลอยผ่านเข้าไปในหินวงกมจะดีมากเลยค่ะ สิ่งที่ไม่ดีจะไหลไป ติ๊กขออธิฐานให้สิ่งไม่ดีลอยออกไปก่อนนะค่ะ เดี๋ยวอธิษฐานเสร็จแล้ว ติ๊กจะพาไปเที่ยวต่อค่ะ

 

เพื่อให้กลมกลืนกับบ้านเมือง ติ๊กจะเปลี่ยนใส่ชุดกิโมโน เพื่อย้อนยุคไปสู่สมัยเอโดะกันค่ะ ติ๊กมาเปลี่ยนชุดที่ร้านวิเวียน (Vivian : Kimono Rental Shop) เพื่อมาเปลี่ยนชุดกิโมโน

 

เราเข้าไปเปลี่ยนชุดกิโมโนเพื่อให้เข้ากับยุคและบรรยากาศของที่นี่กันค่ะ ราคาค่าเช่าชุด 2,600 เยน เปลี่ยนชุดเรียบร้อยแล้ว เรา ไปหาอะไรรองท้องกันก่อนนะค่ะ เพื่อที่จะได้มีแรงเดินชมเมืองค่ะ

 

เมืองคาวาโกเอะ มีร้านข้าวหน้าปลาไหลให้เลือกชิมมากมายหลายร้านเลยค่ะ แต่วันนี้ติ๊กพามาชิมกันที่ร้านอิชิโนย่า ซึ่งเป็นร้านเก่าแก่ดั้งเดิมที่เปิดมาแล้วกว่า 180 ปี ค่ะ

ร้านอิชิโนย่า (Ichinoya) เป็นร้านขายข้าวหน้าปลาไหล ชื่อดังของเมืองคาวาโกเอะ (Kawagoe) เปิดมาแล้วกว่า 180 ปี กรรมวิธีการทำข้าวหน้าปลาไหลของที่นี่มีความแตกต่างจากที่อื่นด้วยค่ะ เดี๋ยวเราเข้าไปชิมข้าวหน้าปลาไหลชื่อดังกันเลยค่ะ

 

หน้าตาข้าวหน้าปลาไหลของที่นี่จะเป็นยังไง เรามาดูกันค่ะ เปิดปุ๊บก็ได้กลิ่นหอมของปลาไหลที่ย่างพร้อมน้ำซอส หอมมากๆ ทานคู่กับผักดอง และซุปร้อนๆ แค่นี้ก็เติมพลังได้เต็มที่แล้วค่ะ

 

เรามาชิมกันดีกว่าค่ะ ข้าวผสมกับซอสที่มาจากปลา หอม อร่อย ปลาไหลย่างได้กลิ่นหอมกำลังดี น้ำซอสที่ราดบนปลาไหลหอมชุ่มฉ่ำเข้าซึมที่ปลาไหล นุ่ม อร่อยมากๆ เลยค่ะ ซุปใส่กระดูกปลาไหลลงไปเคี่ยวได้กลิ่นหอมมาก แค่เซ็ทนี้เซ็ทเดียวก็อิ่มพร้อมลุยเที่ยวต่อกันแล้วค่ะ

 

อิ่มท้องกันแล้ว ติ๊กจะพาไปที่ย่านคุราโนะมาจิ (Kura no machi) คุรา (Kura) แปลว่า โกดัง มาจิ (machi) แปลว่า เมือง แต่เดิมที่นี่จะเป็นโกดังสินค้าเก่าแก่ที่พ่อค้าเก็บสินค้าไว้ขายให้กับเมืองเอโดะ หรือเมืองโตเกียวในปัจจุบัน

 

บ้านเรือนส่วนใหญ่ของที่นี่ ด้านหลังจะเป็นโกดังสินค้า แต่ละหลังจะมีการสร้างบ้านแบบต่างๆ กันไป แล้วแต่การออกแบบของแต่ละคน สีสันของอาคารจะเป็นสีดำ ออกเทาๆ นิดๆ เป็นสีทีฮิตในสมัยเอโดะ การสร้างบ้านเรือนในสมัยเอโดะ จะเริ่มใช้ดินในการสร้างบ้าน และหลังคาเป็นกระเบื้อง

 

ถนนย่านนี้ยังคงอนุรักษ์ ความเก่าแก่ของสมัยเอโดะไว้ด้วย ยิ่งใส่ชุดกิโมโนเดินกับบรรยากาศแบบนี้เข้ากันมากๆ เลยค่ะ

 

ตามติ๊กไปดูสัญลักษณ์ของเมืองนี้กันนะค่ะ ถือว่าเป็นหนึ่งไฮไลท์ของสถานที่ท่องเที่ยวด้วยเช่นกันค่ะ โทคิโนะคาเนะ เป็นหอระฆังที่ตีบอกเวลาให้กับคนในเมืองนี้ จะตีบอกเวลา 4 ครั้ง ใน 1 วัน โดยจะตีในเวลา 6.00 น. 12.00 น. 15.00 น.และ 18.00 น.

 

หอระฆังนี้ตั้งอยู่ในย่านคุราโนะมาจิ เรามาเดินดูหอระฆังและเดินชมเมืองกันแล้ว เราไปหาขนมอร่อยๆ ทานกันบ้างค่ะ

คาชินะ โยโกโชะ (Kashiya Yokocho) เป็นถนนสายขนม มีมาตั้งแต่ในยุคเมจิ จนถึงปัจจุบัน เป็นขนมโบราณที่เราหาทานได้ยาก เดี๋ยวไปดูกันนะค่ะ ว่ามีขนมอะไรบ้าง

 

ถนนสายนี้จะขายแต่ขนมทั้งเส้นเลย มีขนมต่างๆ มากมาย มีลูกอม ลูกกวาด เด็กๆ ชอบแน่ๆ ค่ะ ติ๊กเองก็ชอบค่ะ เป็นขนมราคาถูกด้วย

 

นอกจากจะมีลูกอมแล้ว ยังมีขนม ฟูกาชิ เป็นขนมที่ขึ้นชื่อของถนนสายนี้ เป็นขนมที่ใช้แป้งนำไปอบแล้วเคลือบน้ำตาลทั้งอัน อันใหญ่มากๆ ค่ะ กินอิ่มทั้งบ้านเลยทีเดียว อันละ 300 เยน อิ่มอร่อยแน่นอนค่ะ

 

เรามาดูลูกอม ลูกกวาด ที่ร้านทามาริกิ เป็นร้านที่ขายลูกอมหลากหลายแบบ หลากหลายสีสัน มีลูกอมลายซากุระแบบดั้งเดิมของที่นี่ค่ะ ปัจจุบันมีขายกันแพร่หลาย

 

ส่วนอันนี้เป็นลูกอมที่ทำมาจากมัน กลิ่นหอมกว่าน้ำตาลปกติ คล้ายๆ น้ำตาลอ้อย หอมกลิ่นมันหน่อยๆ อร่อยค่ะ

 

เดี๋ยวติ๊กขอไปเปลี่ยนชุด แล้วพา ไปช้อปปิ้งกันต่อ ที่ร้าน โคเอโดะ คุราริ (Koedo Kurari) ที่นี่เป็นร้านขายของขึ้นชื่อของเมืองคาวาโกเอะค่ะมีทั้งของฝาก ของทานต่างๆ เราเข้าไปดูกันค่ะ ว่ามีอะไรน่าทาน อะไรน่าซื้อกันบ้าง เข้าไปกันเลยค่ะ

 

ด้านในร้าน จะมีตู้โชว์ขนมที่ทางร้านแนะนำ เป็นขนมที่ทำมาจากมันที่ขึ้นชื่อของเมืองนี้ มีขนมให้เลือกมากมาย เราสามารถดูจากตู้โชว์ หรือจะเดินเลือกเองก็ได้ค่ะ ขนมที่อยู่ในตู้โขว์ เป็นขนมที่ทางร้านแนะนำว่าอร่อยแน่นอนค่ะ

 

ขนมที่ขึ้นชื่อของที่นี่ เป็นขนมที่ทำมาจากมัน และยังมีผลิตภัณฑ์ต่างๆ ที่เป็นของพื้นบ้านของเมืองนี้ มาสคอตของเมืองนี้ชื่อว่า โทคิโมะ (Tokimo) โทคิ (Toki) คือ ระฆัง โมะ (Mo) คือ มัน

 

เลือกของฝากกันได้ตามใจชอบเลยค่ะ วันนี้ติ๊กขอปิดทริปที่น่ารักๆ ของ จ.ไซตะมะ ในหลายๆ เมืองทั้ง จิจบุ และควาวาโกเอะ แห่งนี้ค่ะ ลองหาเวลามาเที่ยวที่ จ.ไซตะมะ กันนะค่ะ รับรองได้เลยว่า เที่ยวสนุก และได้ทานอาหารอร่อยๆ แบบติ๊ก อย่างแน่นอนค่ะ คราวหน้าติ๊กจะพาไปเที่ยวที่ไหนกันต่อ มาติดตามกันนะค่ะ